- Home >
- Oracle Dota2
เหล่าบรรพบุรุษของผู้ครองบัลลังก์แห่ง Cymurri ได้ผูกขาดต้อนรับกลุ่มเทพพยากรณ์จากสำนัก Ivory Incubarium ที่อยู่สูงบนยอดของแอ่งทิวเขา Zealot โดยมัดจำไว้ตั้งแต่ตัวอ่อนเริ่มปฏิสนธิ และจ่ายส่วนที่เหลือให้ครบเมื่อได้รับผู้พยากรณ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ถึงที่ประตูเมือง Graven
เหล่าเทพพยากรณ์ที่ได้รับเลือกและรับรองซึ่งถูกเลี้ยงดูโดยเหล่านางพยากรณ์สูงสุด Pallid Sybils ผู้ที่ทั้งเลี้ยงดูและให้กำเนิดพวกเขา ต่างถูกยึดติดอยู่ในรูปลักษณ์ทางกายภาพ ดังเช่นเดียวกับร่างกายในโลกของพวกเรา แต่ในขณะที่จิตวิญญาณของพวกเขาคอยท่องไปในแดนไกล เชื่อมผูกติดกับกายด้วยเส้นใยอวกาศอันแสนบางเบา หลังจากท่องไปยังโลกภายนอก พวกเขาก็กลับมาเล่ากล่าวด้วยคำพยากรณ์แห่งลางบอกเหตุเมื่อกลับมายังร่างกายหยาบ คำกล่าวที่น่าเลื่อมใสของพวกเขาถูกวิเคราะห์โดยที่ปรึกษาแห่ง Cymurri ผู้รับสารแห่งนิมิตในอนาคต และเป็นตัวแทนที่ปรึกษาเพื่อไปทูลคำพยากรณ์ให้แก่กษัตริย์แห่ง Graven ทราบเพื่อคว้าชัยชนะในทุกสมรภูมิ ไม่ว่าจะในสภาราชสำนักหรือในสนามรบ และมันเป็นเช่นนี้มาหลายรุ่นแล้ว ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์แห่ง Graven มีชื่อกษัตริย์ผู้กำศึกชัยชนะมากมายมาหลายรุ่นรวมถึงชัยชนะใหม่ ๆ ที่พวกเขาได้รับมา และมันก็ดูจะไปได้ด้วยดี จนกระทั่งนักพยากรณ์นามว่า Nerif ได้ปรากฏตัวขึ้นมารับใช้กษัตริย์ผู้สวมหมวกศิลาองค์ท้ายที่สุดนี้
แต่แรกเริ่ม คำทำนายของ Nerif นั่นช่างแปลกประหลาด มันดูเหมือนไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำนายอนาคต แต่เป็นเหมือนการสร้างอนาคตขึ้นมา ผู้ทำนายอนาคตที่แสนประหลาดพึมพำคำแนะนำออกมาโดยไม่มีใครขอให้ทำ และนั่นทำให้พวกเหล่าขุนนางแห่ง Cymurri ได้รู้สึกถึงภัยความขัดแย้งจากศัตรูคนใหม่ของพวกเขา เหล่าคณะที่ปรึกษาของสภารู้สึกถึงภัยคุกคามต่ออำนาจของพวกเขา และพุ่งเป้าไปยังนักพยากรณ์คนล่าสุดที่ไม่เป็นที่พึงประสงค์ พวกเขาทูลขอการถอดถอน และถวายฎีกาถึงนางพยากรณ์สูงสุด Pallid Sybils ถึงนักพยากรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพและต้องการแทนที่ด้วยที่เหมาะสมกว่านี้คนใหม่ แต่ Nerif ได้อธิบายถึงฝันที่บอกเหตุร้ายถึงความพินาศของสำนัก Incubarium และภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มีสารแจ้งถึงเหตุหิมะถล่มครั้งใหญ่ได้พังทลายสำนักโบราณ ด้วยความหวาดกลัวในการประสบโชคชะตาเช่นเดียวกับเหล่านางพยากรณ์ Pallid Sybils เหล่าที่ปรึกษาได้ถอนตัวจากสภาราชสำนัก และกังวลที่จะหลีกเลี่ยงคำเตือนของ Nerif แต่อย่างไรก็ตาม กษัตริย์แห่ง Graven เป็นผู้ยึดถือประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่เป็นหลัก พระองค์เห็นแย้งในประชามติของเหล่าที่ปรึกษาที่ระแวงเกินเหตุ พระองค์ให้เหตุผลถึงความหายากของความสามารถนักพยากรณ์คนนี้ ที่ควรค่าแก่การเป็นดั่งศาสตราวุธที่จะนำพาความยิ่งใหญ่แก่พระองค์ได้ ดังนั้นพระองค์จึงได้ลดขั้นเหล่าขุนนางที่ปรึกษาและแต่งตั้ง Nerif มาคอยอยู่ข้างกายของพระองค์ ด้วยความหารู้ไม่จะเข้าใจถึงความสามารถของ Nerif อย่างแท้จริง พระองค์ทรงสั่งได้ทุกสิ่งที่พระองค์ต้องการ และเกลี้ยกล่อม Nerif ให้คอยกล่าวแต่สิ่งที่พระองค์ประสงค์จากคำทำนาย
ในช่วงแรกก็ไปได้ด้วยดี กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่ง Graven ได้คุยโวโอ้อวดถึงการรับอุปถัมภ์สัตว์เลี้ยงแห่งโชคชะตาของเขา พระองค์เองยังเล่นกับโชคชะตาของตนเองอีกด้วย แต่พระองค์นั้นก็สมควรรับฟังคำเตือนที่ได้บอกกล่าวมา เมื่อหนึ่งคืนก่อนเกิดการรุกรานจากพวกข้าหลวงที่ไม่พอใจ พระองค์พยายามที่จะบีบบังคับเทพพยากรณ์ของพระองค์ให้ทำนายชัยชนะที่แน่นอนให้ แต่มีเพียงการได้ยินเสียงพึมพัมเงียบ ๆ ของ Nerif ว่า "มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง" และไม่มีคำแถลงที่หนักแน่นที่พระองค์จะเค้นจากปากของ Nerif ได้มากไปกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามพระองค์ยังคงเชื่อมั่นในกองทหารของตน พวกฝ่ายข้าหลวงต่างถูกปิดล้อม มีอาวุธน้อยนิดไร้ประสิทธิภาพ และยังถูกปิดกั้นจากพันธมิตรต่าง ๆ พระองค์ได้คิดว่าคำกล่าวที่ว่า "มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง" คือสิ่งที่เป็นพลังในการคว้าชัยของฝ่ายพระองค์ มันคงมีความเสี่ยงเพียงน้อยนิดในแผนของพระองค์
แน่นอน พวกเราต่างก็ทราบดีว่าพระองค์ควรจะเชื่อคำบอกกล่าวที่ได้รับเตือนมาให้มากกว่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าพระราชวังของข้าหลวงผู้ไม่เคยพอเป็นสิ่งที่ไม่อาจเชื่อสายตาได้ว่าจะเป็นไปได้ มันดูเหมือนว่าภายในใจกลางของการนองเลือด การสู้รบเริ่มจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน ทุก ๆ ช่วงเวลาสำคัญ ความเป็นจริงเริ่มที่จะแบ่งแยกและแตกเป็นเสี่ยง เหล่าทหารที่โซเซและล้มตายในสนามรบก็ยังคงยืนหยัดสู้อยู่ด้วยเช่นกัน จิตใจของพวกเขาต่างถูกแบ่งแยก เหล่านักรบพบว่าตนเองทั้งตายและยังไม่ตาย มีตัวตนและไม่มีตัวตน ผลที่เกิดขึ้นทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ต่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับกองทัพทั้งสองฝ่าย จักรวาลตอนนี้กลายเป็นเหมือนห้องกระจกเงา ที่กระจกทุกบานต่างสะท้อนกันและกันแบบไม่จบสิ้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีกับทั้งสองฝั่งนั้นสุดจะเกินบรรยาย มันยากเกินจะทำความเข้าใจของความรู้สึกที่มีทั้งได้ชัยชนะและพ่ายแพ้ไปพร้อม ๆ กัน สติของกษัตริย์ Graven แตกกระเจิงกลายเป็นผุยผงแห่งความบ้าคลั่ง เหล่าข้าหลวงที่อ่อนต่อโลกเองก็ไม่ต่างกัน ความเป็นจริงที่ตรงข้ามกันยังคงแตกตัวต่อไปเรื่อย ๆ สะท้อนก้องเป็นประวัติศาสตร์มากมายที่ไม่มีวันสิ้นสุด และทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่สับสนมึนงงมากมายที่ต่างก็สูญเสียความสามารถในการกิน แต่งกาย ป้องกันตัว หรือขยายพันธุ์ตามธรรมชาติปกติได้
เป็นเวลานานก่อนที่ผลกระทบจะขยายไปมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เหล่าที่ปรึกษาที่คอยเฝ้าระวังแห่ง Cymurri ได้จับกุมตัว Nerif ไว้พร้อมพันธนาการและอุดปากเขาไว้ได้ และส่งตัวเขาออกไปจากจักรวาลของพวกเขาด้วยความเร็วสูงบนเรือข้ามมิติ ด้วยความหวังที่จะกำจัดเขาไปให้ไกลเกินที่จะกลับมาทำร้ายพวกเขาได้อีกตลอดไป แน่นอนว่ามันสายเกินไปหน่อยสำหรับพวกเขา และมันก็อาจสายเกินไปสำหรับพวกเราด้วยเช่นกัน